สถานการณ์ของหุ้น MORE ในตอนนี้ ถือว่าน่าสนใจและควรค่าแก่การศึกษาอย่างยิ่ง
ปัจจุบันมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเพื่อฟ้องร้องบริษัท ขณะเดียวกันราคาหุ้นก็ร่วงลงจากจุดสูงสุดสู่ระดับที่เรียกได้ว่า “สามัญ” อย่างแท้จริง
ครั้งที่แล้วผมได้วิเคราะห์เอาไว้เนื่องจากเพื่อนของผมคนนึง ได้ถือ more ไว้ในช่วงนั้น และได้มาปรึกษา
เพราะเจ้าตัวอยากได้ความคิดเห็นของคนที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่คนลงทุน ความคิดเห็นแบบคนไม่มีอคติ ว่าไปตามตำรา
ผมก็จัดให้ว่าคนจะเทขายแน่ๆ พูดง่ายๆก็คือ เมื่อราคามันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปถึงไหน มันจะมีคนที่หาจุดที่จะขายทำกำไรอยู่เสมอ, แน่ล่ะ ตรงไหนดีล่ะ, งั้นตรงยอดที่มันเคยมาถึงละกัน
เราจึงได้เห็นกราฟรูปทรงดังกล่าว
ผมได้สืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ก็ได้เจอเว็ปไซต์รายงานผลประชุมบริษัทอยู่พอดีครับ ผู้ที่สนใจสามารถรับฟังการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดได้ที่เว็บไซต์: morereturn.co.th/ประชุมผู้ถือหุ้น/
---------
นับตั้งแต่ช่วงที่มีแรงเทขายอย่างหนัก หุ้น MORE ก็ไม่แสดงสัญญาณของการฟื้นตัวเลย นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ถือหุ้นไว้เพื่อรอให้ธุรกิจดำเนินต่อไป กลับกัน ราคาหุ้นกลับร่วงลงเรื่อยๆ
ในแง่ของพฤติกรรมตลาด:
“นักลงทุน” หมายถึงผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัท
“นักเทรด” คือผู้ที่เข้ามาซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในช่วงเวลาสั้นๆ โดยเน้นจังหวะเข้า-ออกตามราคา
อาจกล่าวได้ว่า ในกรณีของ MORE จำนวนนักลงทุนที่แท้จริงอาจน้อยกว่านักเทรด และเมื่อเกิดแรงเทขายอย่างฉับพลัน ราคาก็ไม่สามารถไปต่อได้
ในมุมมองทางจิตวิทยา (และความคิดเห็นส่วนตัว)
ตอนที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้น นักลงทุนจำนวนมากมักจะ "แห่ซื้อ" ตามกระแส ดึงเพื่อนหรือคนรู้จักเข้ามาร่วมลงทุนด้วยความคาดหวัง
แต่เมื่อราคาหุ้นเริ่มร่วงลง ความตื่นตระหนกก็แพร่กระจาย หลายคนรีบขายตามๆ กัน บ้างก็ขายเพราะกลัวจะขาดทุนเหมือนคนอื่น บ้างก็ขายเพราะขาดความมั่นใจในแนวทางธุรกิจ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่บริษัทจัดขึ้นอาจไม่ตอบโจทย์ผลประกอบการอย่างที่คาดไว้
ต้องยอมรับว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนไม่ได้เสพสื่อหรือบริโภคความบันเทิงในแบบเดิมอีกต่อไป
และแน่นอนว่า สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อวงการบันเทิงอย่างเห็นได้ชัด
กรณีของ MORE ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนภาพนั้นอย่างชัดเจน
ส่วนตัวผมเชื่อว่า หาก MORE สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ และทำลายกำแพงที่ต้องผ่านพ้นได้เมื่อไหร่
หรือได้คนเก่งๆมาจัดการแล้วล่ะก็ นั่นจะทำให้ MORE กลับมาเป็นโอกาสที่ "คุ้มค่าแก่การลงทุน" ในช่วงนี้อย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้จะกลายเป็นการ “Restart for better perfomance” อย่างแท้จริง
---------
หวังว่าเพื่อนๆจะชื่นชอบบทความนี้นะครับ
ช่วงนี้ผมได้กลับมาเทรดแล้วครับ มีเวลาดูกราฟฉ่ำๆ
สนใจกราฟตัวไหน อยากให้ลองวิเคราะห์ตัวไหน พิมคอมเม้นไว้ได้เลยครับ
ขอให้โชคดีในการเทรดนะครับ
ปล.อย่าลืมตั้ง stop loss ด้วยนะ0Ut
ปัจจุบันมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเพื่อฟ้องร้องบริษัท ขณะเดียวกันราคาหุ้นก็ร่วงลงจากจุดสูงสุดสู่ระดับที่เรียกได้ว่า “สามัญ” อย่างแท้จริง
ครั้งที่แล้วผมได้วิเคราะห์เอาไว้เนื่องจากเพื่อนของผมคนนึง ได้ถือ more ไว้ในช่วงนั้น และได้มาปรึกษา
เพราะเจ้าตัวอยากได้ความคิดเห็นของคนที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่คนลงทุน ความคิดเห็นแบบคนไม่มีอคติ ว่าไปตามตำรา
ผมก็จัดให้ว่าคนจะเทขายแน่ๆ พูดง่ายๆก็คือ เมื่อราคามันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปถึงไหน มันจะมีคนที่หาจุดที่จะขายทำกำไรอยู่เสมอ, แน่ล่ะ ตรงไหนดีล่ะ, งั้นตรงยอดที่มันเคยมาถึงละกัน
เราจึงได้เห็นกราฟรูปทรงดังกล่าว
ผมได้สืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ก็ได้เจอเว็ปไซต์รายงานผลประชุมบริษัทอยู่พอดีครับ ผู้ที่สนใจสามารถรับฟังการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดได้ที่เว็บไซต์: morereturn.co.th/ประชุมผู้ถือหุ้น/
---------
นับตั้งแต่ช่วงที่มีแรงเทขายอย่างหนัก หุ้น MORE ก็ไม่แสดงสัญญาณของการฟื้นตัวเลย นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ถือหุ้นไว้เพื่อรอให้ธุรกิจดำเนินต่อไป กลับกัน ราคาหุ้นกลับร่วงลงเรื่อยๆ
ในแง่ของพฤติกรรมตลาด:
“นักลงทุน” หมายถึงผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัท
“นักเทรด” คือผู้ที่เข้ามาซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในช่วงเวลาสั้นๆ โดยเน้นจังหวะเข้า-ออกตามราคา
อาจกล่าวได้ว่า ในกรณีของ MORE จำนวนนักลงทุนที่แท้จริงอาจน้อยกว่านักเทรด และเมื่อเกิดแรงเทขายอย่างฉับพลัน ราคาก็ไม่สามารถไปต่อได้
ในมุมมองทางจิตวิทยา (และความคิดเห็นส่วนตัว)
ตอนที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้น นักลงทุนจำนวนมากมักจะ "แห่ซื้อ" ตามกระแส ดึงเพื่อนหรือคนรู้จักเข้ามาร่วมลงทุนด้วยความคาดหวัง
แต่เมื่อราคาหุ้นเริ่มร่วงลง ความตื่นตระหนกก็แพร่กระจาย หลายคนรีบขายตามๆ กัน บ้างก็ขายเพราะกลัวจะขาดทุนเหมือนคนอื่น บ้างก็ขายเพราะขาดความมั่นใจในแนวทางธุรกิจ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่บริษัทจัดขึ้นอาจไม่ตอบโจทย์ผลประกอบการอย่างที่คาดไว้
ต้องยอมรับว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนไม่ได้เสพสื่อหรือบริโภคความบันเทิงในแบบเดิมอีกต่อไป
และแน่นอนว่า สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อวงการบันเทิงอย่างเห็นได้ชัด
กรณีของ MORE ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนภาพนั้นอย่างชัดเจน
ส่วนตัวผมเชื่อว่า หาก MORE สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ และทำลายกำแพงที่ต้องผ่านพ้นได้เมื่อไหร่
หรือได้คนเก่งๆมาจัดการแล้วล่ะก็ นั่นจะทำให้ MORE กลับมาเป็นโอกาสที่ "คุ้มค่าแก่การลงทุน" ในช่วงนี้อย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้จะกลายเป็นการ “Restart for better perfomance” อย่างแท้จริง
---------
หวังว่าเพื่อนๆจะชื่นชอบบทความนี้นะครับ
ช่วงนี้ผมได้กลับมาเทรดแล้วครับ มีเวลาดูกราฟฉ่ำๆ
สนใจกราฟตัวไหน อยากให้ลองวิเคราะห์ตัวไหน พิมคอมเม้นไว้ได้เลยครับ
ขอให้โชคดีในการเทรดนะครับ
ปล.อย่าลืมตั้ง stop loss ด้วยนะ0Ut
Feragatname
Bilgiler ve yayınlar, TradingView tarafından sağlanan veya onaylanan finansal, yatırım, işlem veya diğer türden tavsiye veya tavsiyeler anlamına gelmez ve teşkil etmez. Kullanım Şartları'nda daha fazlasını okuyun.
Feragatname
Bilgiler ve yayınlar, TradingView tarafından sağlanan veya onaylanan finansal, yatırım, işlem veya diğer türden tavsiye veya tavsiyeler anlamına gelmez ve teşkil etmez. Kullanım Şartları'nda daha fazlasını okuyun.